วิธีการตรวจวินิจฉัยมะเร็งลำไส้ทำได้อย่างไร?

วิธีการตรวจวินิจฉัยมะเร็งลำไส้: ความรู้ที่คุณควรรู้

มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่มีความเสี่ยงสูงและมักมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในประชากรในวัยกลางคนและผู้สูงอายุ การตรวจคัดกรองเพื่อวินิจฉัยมะเร็งลำไส้ใหญ่จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคนี้ได้ ในบทความนี้เราจะมาดูกันว่ามีวิธีการตรวจวินิจฉัยมะเร็งลำไส้ใหญ่แบบใดบ้าง รวมถึงข้อดีและข้อจำกัดของแต่ละวิธี

1. การตรวจหาเม็ดเลือดแดงในอุจจาระ (Fecal Immunochemical Test หรือ FIT)

  • วิธีการตรวจ: ทำการเก็บตัวอย่างอุจจาระที่บ้านและส่งให้เจ้าหน้าที่ตรวจด้วยชุดทดสอบ – ผลตรวจ: – ผลเป็นลบ (Negative): ไม่พบเลือดแฝง แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่มีความเสี่ยง ควรตรวจซ้ำทุกปี – ผลเป็นบวก (Positive): ต้องทำการตรวจยืนยันด้วยการส่องกล้อง – ข้อดี: – ไม่มีความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน – สะดวกในการเก็บตัวอย่างที่บ้าน – ข้อจำกัด: – ไม่สามารถตรวจเนื้องอกบางชนิดได้ – ความไวในการตรวจพบมะเร็งลำไส้ใหญ่ราว 79%

2. การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Colonography)

  • วิธีการตรวจ: ใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ในการสร้างภาพ 3 มิติของลำไส้หลังจากทำการเตรียมลำไส้ด้วยอาหารอ่อนและยาระบาย – ข้อดี: – ไม่ต้องใช้ยานอนหลับ – ความแม่นยำสูง – ข้อจำกัด: – ไม่สามารถตรวจเนื้องอกชนิดแบนได้ – ต้องมีการส่องกล้องต่อหากพบเนื้องอก – การอ่านผลจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมีจำนวนน้อย – ความไว 90-100% ขึ้นอยู่กับขนาดของเนื้องอก

3. การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy)

  • วิธีการตรวจ: สอดกล้องเล็กเข้าไปทางทวารหนักเพื่อตรวจดูลำไส้ใหญ่ – การเตรียมตัว: ต้องทานยาระบายและงดอาหารก่อนตรวจ 4-8 ชั่วโมง – ข้อดี: – สามารถตัดชิ้นเนื้อเพื่อวินิจฉัยได้ – ตรวจพบปัญหาที่อาจกลายเป็นมะเร็งได้ – ข้อจำกัด: – อาจมีอาการปวดหลังการตรวจ – มีภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น 4-8 คน ต่อ 10,000 คน – ความไว 90-100%

ความถี่ในการตรวจ

  • การตรวจหาเม็ดเลือดแดงในอุจจาระ: ทุกปี – การเอกซเรย์คอมพิวเตอร์: ทุก 5 ปี – การส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่: ทุก 10 ปี

ใครควรได้รับการตรวจคัดกรอง?

  • บุคคลทั่วไป: ควรเริ่มตรวจเมื่ออายุ 50 ปีขึ้นไป – ผู้มีความเสี่ยงสูง: รวมถึงผู้ป่วยโรคพันธุกรรม, มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้, หรือเคยมีติ่งเนื้อลำไส้

การตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่มีหลักฐานทางวิจัยที่สามารถสนับสนุนว่าช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและป้องกันการเกิดมะเร็งนี้ได้ ดังนั้น การศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการตรวจที่มีอยู่จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้ดีขึ้นเมื่อต้องเข้ารับการตรวจวินิจฉัยค่ะ.