การตรวจเจอโรคมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้นทำได้อย่างไร?

การตรวจเจอโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้นเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตและลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งได้มากถึง 90-95% การตรวจคัดกรองแต่ละประเภทมีวิธีการและเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับวิธีการตรวจมะเร็งที่รู้จักและเป็นที่นิยมในปัจจุบัน

เทคโนโลยีการตรวจคัดกรองมะเร็งระยะเริ่มต้น

วิธี SPOT-MAS วิธี SPOT-MAS เป็นการตรวจหา Circulating Tumor DNA (ctDNA) โดยใช้เทคโนโลยี Next-Generation Sequencing ผ่านการเจาะเลือดเพียงครั้งเดียว วิธีนี้สามารถตรวจหามะเร็งหลายชนิดได้ในครั้งเดียว

• ชนิดของมะเร็งที่ตรวจได้: – มะเร็งตับ – มะเร็งปอด – มะเร็งเต้านม – มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก – มะเร็งกระเพาะอาหาร – ข้อดี: – รวดเร็วและเจ็บตัวน้อย – มีความแม่นยำสูง (ความจำเพาะ 95.9% และความไว 73.9%) – รู้ผลภายใน 14 วันทำการ

การตรวจยีนมะเร็ง การตรวจยีนมะเร็งโดยการป้ายเก็บตัวอย่างจากกระพุ้งแก้ม หรือการเจาะเลือด เพื่อหาความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะในผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง

• ชนิดของมะเร็ง: – มะเร็งเต้านม – มะเร็งรังไข่ – มะเร็งลำไส้ใหญ่

การตรวจคัดกรองมะเร็งแบบเฉพาะจุด

มะเร็งเต้านม – ผู้หญิงอายุ 40 ปีขึ้นไป ควรตรวจด้วยแมมโมแกรมเพื่อลดการเสียชีวิตจากมะเร็งเต้านม สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูง อาจพิจารณาตรวจด้วย MRI เพิ่มเติม

มะเร็งปากมดลูก – ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วย HPV DNA Test และ Pap test ทุก 3 – 5 ปี สำหรับผู้หญิงอายุ 21 – 65 ปี

มะเร็งปอด – ผู้ชายอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป ที่สูบบุหรี่หรือเลิกบุหรี่ควรตรวจคัดกรองด้วย CT Scan ทุกปี

มะเร็งตับ – การตรวจเลือด Alpha-fetoprotein (AFP) ร่วมกับอัลตราซาวด์ตับเพื่อเฝ้าระวังมะเร็งตับ

มะเร็งรังไข่ – ตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็ง CA 12-5 และ HE4 พร้อมอัลตราซาวด์มดลูกและรังไข่สำหรับสตรีที่มีความเสี่ยงสูง

ใครควรตรวจบ้าง? – อายุ: ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป – พฤติกรรม: ผู้ที่สูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ – ประวัติครอบครัว: ผู้มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็ง

การตรวจเจอโรคมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้นไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิต แต่ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวอีกด้วย ดังนั้น การเข้ารับการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างจริงจัง!