การตรวจ PSA: ความสำคัญและข้อมูลที่คุณควรรู้
การตรวจ PSA (Prostatic Specific Antigen) เป็นวิธีการตรวจคัดกรองและวินิจฉัยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย โดยเฉพาะในกลุ่มชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ PSA และความสำคัญของการตรวจดังกล่าว
สมบัติและหน้าที่ของ PSA
- PSA เป็นโปรตีน: PSA คือโปรตีนชนิดหนึ่งที่ผลิตขึ้นจากเซลล์ของต่อมลูกหมาก โดยให้หน้าที่ทำให้อสุจิเป็นน้ำและป้องกันการจับเป็นก้อน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของต่อมอสุจิ
วิธีการตรวจ PSA
- การเจาะเลือด: การตรวจ PSA ทำได้โดยการเจาะเลือดเพื่อหาค่า PSA ในเลือด ซึ่งวิธีนี้ใช้ในการค้นหาความผิดปกติของต่อมลูกหมาก
ความสำคัญและค่า PSA
- ปกติ: ค่า PSA ปกติอยู่ในช่วง 0-4 ng/mL – ความผิดปกติ: หากค่า PSA สูงกว่า 4 ng/mL อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติ เช่น: – การอักเสบ – การติดเชื้อ – ต่อมลูกหมากโต – มะเร็งต่อมลูกหมาก
อย่างไรก็ตาม ค่า PSA สูงไม่ได้หมายความว่าเป็นมะเร็งเสมอไป มีปัจจัยอื่นๆ ที่สามารถทำให้ค่า PSA เพิ่มขึ้นได้ เช่น: – ต่อมลูกหมากโต (BPH) – ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ – ยาบางชนิด – การมีเพศสัมพันธ์ – การออกกำลังกาย
ปัจจัยที่ทำให้ค่า PSA เปลี่ยนแปลง
ปัจจัยที่ทำให้ค่า PSA สูงขึ้น: – ต่อมลูกหมากโต – ต่อมลูกหมากอักเสบ – การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ – ยาบางชนิด – การมีเพศสัมพันธ์
ปัจจัยที่ทำให้ค่า PSA ต่ำลง: – ยารักษาต่อมลูกหมากโตบางชนิด – ยาแอสไพริน – อาหารเสริมสมุนไพรบางชนิด – โรคอ้วน
ความจำเป็นในการตรวจเพิ่มเติม
เนื่องจากค่า PSA ไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากหรือไม่ จึงต้องมีการตรวจเพิ่มเติม ได้แก่: – การตรวจอัลตราซาวนด์ต่อมลูกหมากผ่านทางทวารหนัก (TRUS) – การตรวจด้วยการตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy) – การตรวจเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) – การตรวจสแกนกระดูก (bone scan)
สรุป
การตรวจ PSA เป็นเครื่องมือสำคัญในการคัดกรองและวินิจฉัยโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก แต่ควรใช้ร่วมกับการตรวจอื่นๆ และพิจารณาจากหลายปัจจัยเพื่อให้ได้การวินิจฉัยที่แม่นยำ หากคุณเป็นผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป หรือมีประวัติครอบครัวเกี่ยวกับมะเร็งต่อมลูกหมาก ควรพูดคุยกับแพทย์เกี่ยวกับความจำเป็นในการตรวจ PSA เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพของคุณในอนาคต.