สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับมะเร็งปอด

สิ่งที่ต้องรู้เกี่ยวกับมะเร็งปอด: โรคร้ายที่ต้องระมัดระวัง

มะเร็งปอด (Lung Cancer) เป็นโรคมะเร็งที่มีความร้ายแรงและส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างมาก หากคุณหรือคนใกล้ชิดของคุณมีความเสี่ยง ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ให้ดีขึ้น เพื่อที่จะสามารถป้องกันและตรวจสอบได้อย่างถูกต้อง

1. การระบุและอุบัติการณ์

  • มะเร็งปอด เป็นโรคที่มีต้นกำเนิดจากปอด โดยถือเป็นมะเร็งที่ถูกวินิจฉัยบ่อยที่สุด และยังเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตจากมะเร็งทั่วโลกอีกด้วย

2. ประเภทของมะเร็งปอด

มะเร็งปอดแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลักคือ:

2.1 มะเร็งปอดชนิดที่ไม่ใช่เซลล์ขนาดเล็ก (NSCLC) – คิดเป็นประมาณ 85-90% ของมะเร็งปอดทั้งหมด – ประกอบด้วย 3 ประเภทย่อย: – อะดีโนคาร์ซิโนมา (Adenocarcinoma)สเควมัสเซลล์คาร์ซิโนมา (Squamous Cell Carcinoma)เซลล์ขนาดใหญ่ (Large Cell Carcinoma)

2.2 มะเร็งปอดชนิดเซลล์ขนาดเล็ก (SCLC) – คิดเป็นประมาณ 10-15% ของมะเร็งปอดทั้งหมด – มักแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและต้องได้รับการรักษาด้วยยาเคมีบำบัดและรังสีรักษา

3. ปัจจัยเสี่ยง

3.1 การสูบบุหรี่ – เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดมะเร็งปอด โดยผู้สูบบุหรี่มีความเสี่ยงสูงกว่าผู้ที่ไม่สูบบุหรี่ถึง 10 เท่า

3.2 ควันบุหรี่มือสอง – ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดกับผู้สูบบุหรี่มีความเสี่ยงมากกว่าคนทั่วไปอย่างน้อย 2 เท่า

4. อาการและการวินิจฉัย

  • มักไม่มีอาการชัดเจนในระยะแรก แต่เมื่อมะเร็งลุกลามอาจมีอาการเช่น: – ปวดหัวหรือไหลมูก – น้ำหนักลด – อ่อนเพลีย – หายใจผิดปกติ

การวินิจฉัย – ใช้การตรวจชิ้นเนื้อทางพยาธิวิทยา รวมถึงการตรวจ X-ray, CT Scan เป็นต้น

5. ระยะของมะเร็งปอด

การแบ่งระยะของมะเร็งปอดมีความสำคัญในการเลือกวิธีการรักษา: – ระยะที่ 0: เซลล์ที่ผิดปกติในเยื่อบุทางเดินหายใจ – ระยะที่ 1: มะเร็งขนาดเล็กที่ยังไม่แพร่กระจาย – ระยะที่ 2: มะเร็งขนาดใหญ่ที่มีการลุกลาม – ระยะที่ 3: มะเร็งลุกลามไปยังอวัยวะที่อยู่ข้างเคียง – ระยะที่ 4: มะเร็งแพร่กระจายออกนอกช่องอก

6. การรักษา

การรักษามะเร็งปอดขึ้นอยู่กับชนิดและระยะของมะเร็ง รวมถึงสภาพร่างกายของผู้ป่วย อาจรวมถึง: – การผ่าตัด – การใช้ยาเคมีบำบัด – รังสีรักษา – การรักษาแบบมุ่งเป้า – การรักษาภูมิคุ้มกัน

บทส่งท้าย

การตรวจพบมะเร็งปอดตั้งแต่ระยะแรกจะมีผลการรักษาที่ดีกว่า ดังนั้นการตรวจสุขภาพและติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญ สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยง ควรหาเวลาปรึกษาแพทย์เพื่อการตรวจสุขภาพประจำปีและคำแนะนำที่เหมาะสมเพื่อรักษาสุขภาพปอดให้แข็งแรงอยู่เสมอ