ความสำคัญของการตรวจคัดกรองมะเร็งรังไข่

ความสำคัญของการตรวจคัดกรองมะเร็งรังไข่

มะเร็งรังไข่เป็นหนึ่งในมะเร็งที่มีผลกระทบต่อสุภาพสตรีอย่างมาก โดยปัจจุบันยังไม่มีวิธีการตรวจคัดกรองที่มีมาตรฐานชัดเจน ทำให้การวินิจฉัยและการรักษามักเกิดขึ้นเมื่อโรคอยู่ในระยะที่รุนแรงแล้ว ดังนั้น การตรวจคัดกรองมะเร็งรังไข่จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการช่วยลดอัตราการเสียชีวิตและเพิ่มโอกาสในการหายให้กับผู้ป่วย

ความชุกและผลกระทบของมะเร็งรังไข่

  • อันดับมะเร็ง: มะเร็งรังไข่เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 2 ในสตรีทั่วโลก และเป็นอันดับ 3 ในประเทศไทย – จำนวนผู้ป่วย: ในแต่ละปีประเทศไทยมีผู้ป่วยมะเร็งรังไข่รายใหม่เกือบ 3,000 ราย โดยมากกว่าครึ่งหนึ่งมีปัญหาให้เสียชีวิต

อาการแฝงและการวินิจฉัย

มะเร็งรังไข่มักไม่มีอาการที่ชัดเจน ทำให้ผู้ป่วยไม่ทราบว่าตนมีปัญหาจนกว่ามะเร็งจะเข้าสู่ระยะขั้นรุนแรง ซึ่งอาการที่มักจะเห็น ได้แก่:

  • ท้องอืด – เสียดแน่นท้อง – อาหารไม่ย่อย – ท้องโตขึ้น

อาการเหล่านี้มีความคล้ายคลึงกับโรคอื่น ทำให้การวินิจฉัยมีความซับซ้อน

ความสำคัญของการตรวจภายในเป็นประจำ

การตรวจภายในเป็นประจำทุกปีเป็นสิ่งสำคัญ:

  • ช่วยให้ตรวจพบมีก้อนรังไข่โตในระยะแรกได้ – การรักษาจะทำได้ง่ายกว่าและโอกาสหายสูงกว่า

วิธีการวินิจฉัย

การวินิจฉัยมะเร็งรังไข่สามารถทำได้ด้วยหลายวิธี:

  • การตรวจภายใน – การตรวจคลื่นเสียงความถี่สูง (อัลตราซาวด์) – การตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) หรือ MRI – การตรวจเลือดหาค่าบ่งชี้มะเร็ง (Tumor marker)

ผลลัพธ์ของการตรวจคัดกรอง

การตรวจพบมะเร็งรังไข่ในระยะที่ 1 มีอัตราการรักษาให้หายจากโรคสูงถึง 90% แต่ถ้าเป็นระยะลุกลามจะมีโอกาสหายลดลงอย่างมาก

การรักษาและติดตามผล

การรักษามะเร็งรังไข่รวมถึง:

  • การผ่าตัดเพื่อรักษาและพิสูจน์ระยะของโรค – การให้ยาเคมีบำบัด – การตรวจติดตามเป็นระยะๆ หลังการรักษาเพื่อป้องกันการกลับมา

สรุป

การตรวจคัดกรองมะเร็งรังไข่ แม้ว่าจะไม่มีมาตรฐานชัดเจน แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญในการตรวจพบและรักษาโรคในระยะแรกซึ่งเพิ่มโอกาสในการรักษาหายขาดและลดอัตราการเสียชีวิตจากมะเร็งรังไข่ ผู้หญิงทุกคนจึงควรให้ความสำคัญกับการตรวจภายในเป็นประจำเพื่อสุขภาพที่ดีและชีวิตที่ยั่งยืน.