การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงระหว่างการรักษามะเร็ง
การรักษามะเร็งอาจทำให้ผู้ป่วยรู้สึกอ่อนเพลียและไม่สบายตัว แต่การออกกำลังกายมีบทบาทสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจได้ ในบทความนี้เราจะพูดถึงประโยชน์ของการออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง, วิธีการเริ่มต้นการออกกำลังกายที่เหมาะสม, และข้อควรระวังในการออกกำลังกาย
ประโยชน์ของการออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง
- เพิ่มคุณภาพชีวิต: การออกกำลังกายมีผลในการลดความกังวล ความเครียด และโรคซึมเศร้า – เสริมสร้างความมั่นใจ: การทำกิจกรรมทางกายช่วยให้ผู้ป่วยรู้สึกดีกับตัวเอง – ลดผลข้างเคียงจากการรักษา: การออกกำลังกายช่วยลดอาการอ่อนเพลีย ปวดเมื่อย และกล้ามเนื้อฝ่อลีบ – อาจเพิ่มอัตราการรอดชีวิต: การออกกำลังกายสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการกลับมาเป็นซ้ำของโรคมะเร็งในบางประเภท เช่น มะเร็งเต้านมและลำไส้
วิธีการเลือกและเริ่มต้นการออกกำลังกาย
- ประเมินร่างกาย: ควรประเมินสุขภาพและเลือกประเภทของการออกกำลังกายที่ตรงกับความสามารถ – เริ่มทยอย: เริ่มต้นด้วยการหายใจ การสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การยืดเหยียดร่างกาย หรือการฝึกการทรงตัว เช่น โยคะหรือไท้เก๊ก – ออกกำลังกายแบบแอโรบิค: การเดินหรือปั่นจักรยานควรมีระยะเวลาอย่างน้อย 20-30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง
ข้อควรระวังและข้อห้าม
- มีอาการโลหิตจาง: หากมีอาการโลหิตจางอย่างรุนแรง ควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายยกเว้นการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวัน – ระบบภูมิคุ้มกันต่ำ: ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำควรหลีกเลี่ยงการออกกำลังกายในที่สาธารณะ – อาการแทรกซ้อนของระบบประสาท: ควรเริ่มออกกำลังกายแบบอยู่กับที่ เช่น ปั่นจักรยานอยู่กับที่ – ควรปรึกษาแพทย์: หากมีปัญหาสุขภาพเฉพาะอื่นๆ เช่น โรคหัวใจ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มการออกกำลังกาย
การดูแลตนเองระหว่างการออกกำลังกาย
- ยืดกล้ามเนื้อ: ควรยืดกล้ามเนื้อเป็นประจำเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นและป้องกันบาดเจ็บ – ออกกำลังกายตามความรู้สึก: ควรออกกำลังกายเท่าที่ร่างกายรู้สึกไหว และค่อยๆ เพิ่มความถี่และระยะเวลาเมื่อร่างกายพร้อม – หลีกเลี่ยงการนั่งหรือนอนเฉยๆ: ไม่ควรนั่งหรือนอนเฉยๆ เป็นเวลานานเพื่อให้ร่างกายมีความกระตือรือร้น
การรวมการออกกำลังกายเข้าเป็นส่วนหนึ่งของแผนรักษาและฟื้นฟูสามารถทำให้ผู้ป่วยมะเร็งมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและเพิ่มอัตราการรอดชีวิตได้ อย่างไรก็ตามการออกกำลังกายควรทำโดยได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับสภาพร่างกายและความสามารถเฉพาะของแต่ละบุคคล