การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy) สำหรับมะเร็งลำไส้: ใครเหมาะสม?
การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดสำหรับมะเร็งลำไส้ (Colorectal Cancer) กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในวงการแพทย์ เนื่องจากมีศักยภาพในการช่วยผู้ป่วยที่ไม่สามารถตอบสนองต่อการรักษาแบบดั้งเดิมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในบทความนี้ เราจะพูดถึงประเภทของภูมิคุ้มกันบำบัด, ลักษณะของผู้ป่วยที่เหมาะสม, และสิ่งที่ควรพิจารณาก่อนการรักษา
ประเภทของภูมิคุ้มกันบำบัดที่ใช้ – Immune Checkpoint Inhibitors: ยาในกลุ่มนี้ เช่น PD-1 และ PD-L1 inhibitors มีการใช้ในผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ที่มีการกลายพันธุ์ของยีนพันธุกรรมสูง (Microsatellite Instability-High, MSI-H) หรือมีการไม่เสถียรของจ Zacคู่ (Mismatch Repair Deficient, dMMR). – T-Cell Therapy: การบำบัดโดยใช้ T-cells ที่ได้จากตัวผู้ป่วยเพื่อนำมาเพิ่มพูนและกำจัดเซลล์มะเร็ง. – Cancer Vaccines: การใช้วัคซีนเพื่อกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันให้ต่อสู้กับมะเร็ง.
ใครเหมาะสมสำหรับการรักษานี้? การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดมักเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่: – อยู่ในระยะแพร่กระจาย (Metastatic Stage): ผู้ป่วยที่มะเร็งได้ลุกลามไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย. – มี MSI-H หรือ dMMR: ผู้ป่วยที่มีการกลายพันธุ์ของยีนที่แสดงว่ามีแนวโน้มที่จะตอบสนองต่อการรักษาด้วย Immune Checkpoint Inhibitors สูงขึ้น.
การตรวจสอบชีวภาพ ก่อนเริ่มการรักษาทุกครั้ง ผู้ป่วยต้องผ่านการตรวจสอบชีวภาพของเซลล์เนื้อเยื่อมะเร็ง เพื่อดูว่ามีการกลายพันธุ์หรือไม่เสถียรของจ Zacคู่ โดยข้อมูลนี้เป็นปัจจัยสำคัญในการประเมินว่าผู้ป่วยจะมีโอกาสตอบสนองต่อการรักษานี้หรือไม่
ผลข้างเคียงที่ควรระวัง แม้ว่าการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัดจะมีผลข้างเคียงที่น้อยกว่าการรักษาด้วยยาเคมีบำบัด แต่ยังมีโอกาสเกิดผลข้างเคียง เช่น: – ผื่นคัน – ท้องเสีย – การทำงานของต่อมไร้ท่อที่ผิดปกติ
ผู้ป่วยควรจะคอยปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับผลข้างเคียงนี้เพื่อให้สามารถจัดการได้อย่างเหมาะสม