การตรวจวินิจฉัยมะเร็งต่อมลูกหมากมีวิธีใดบ้าง?

วิธีการตรวจวินิจฉัยมะเร็งต่อมลูกหมาก

มะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate Cancer) เป็นหนึ่งในโรคมะเร็งที่เป็นปัญหาสำคัญในผู้ชาย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ การตรวจวินิจฉัยแต่เนิ่นๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาและฟื้นตัวให้ดีขึ้น ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับวิธีการตรวจวินิจฉัยโรคมะเร็งต่อมลูกหมากที่สำคัญกัน

1. การตรวจต่อมลูกหมากทางทวารหนัก (Digital Rectal Examination – DRE) – วิธีการตรวจเบื้องต้นที่ง่ายที่สุด – แพทย์จะใช้นิ้วมือสอดเข้าไปในทวารหนักเพื่อลงไปคลำต่อมลูกหมาก – ตรวจสอบลักษณะผิดปกติต่างๆ เช่น ขนาด รูปร่าง และความยืดหยุ่น

2. การตรวจหาสารบ่งชี้มะเร็งในเลือด (Prostatic Specific Antigen – PSA) – การตรวจเลือดเพื่อหาค่า PSA ซึ่งเป็นโปรตีนที่ผลิตจากเซลล์ต่อมลูกหมาก – ค่า PSA ที่สูงกว่า 4 ng/mL อาจบ่งบอกถึงความผิดปกติ แต่ไม่สามารถสรุปว่าเป็นมะเร็งได้ทันที

3. การตรวจอัลตราซาวด์ต่อมลูกหมากผ่านทางทวารหนัก (Transrectal Ultrasound of the Prostate – TRUS) – ใช้เครื่องมือขนาดเท่านิ้วมือสอดเข้าทางทวารหนักเพื่อตรวจลักษณะของต่อมลูกหมาก – เครื่องมือนี้สามารถช่วยในการตัดชิ้นเนื้อต่อมลูกหมากได้ด้วย

4. การตรวจด้วยการตัดชิ้นเนื้อ (Biopsy) – การตัดชิ้นเนื้อของต่อมลูกหมากเพื่อส่งตรวจในห้องปฏิบัติการ – ใช้เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและประเมินความรุนแรงของมะเร็งด้วยคะแนนเกลียสัน (Gleason score)

5. การตรวจด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) – ใช้สำหรับการตรวจหาระยะของมะเร็งว่าได้แพร่กระจายไปยังส่วนอื่นหรือไม่

6. การตรวจด้วยเครื่องคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetic Resonance Imaging – MRI) – มีความแม่นยำสูงในการวิเคราะห์การแพร่กระจายของมะเร็งต่อมลูกหมาก

7. การตรวจสแกนกระดูก (Bone scan) – ตรวจสอบว่ามะเร็งได้แพร่กระจายไปที่กระดูกหรือไม่ – โดยการฉีดสารทึบแสงเข้าสู่เส้นเลือดและมองหาบริเวณที่สารนี้สะสมอยู่

สรุป การตรวจวินิจฉัยมะเร็งต่อมลูกหมากโดยการรวมหลายวิธีการที่กล่าวมา ช่วยให้แพทย์สามารถวินิจฉัยและประเมินระยะของมะเร็งได้อย่างแม่นยำ และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมได้เป็นอย่างดี เมื่อทำความเข้าใจกับการตรวจวินิจฉัยเหล่านี้แล้ว ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการตรวจสุขภาพที่เหมาะสมกับตนเองเป็นประจำ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการสุขภาพของผู้ชายทุกคน.