การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมมีวิธีการอย่างไร?

การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม: วิธีการและแนวทางปฏิบัติที่สำคัญ

การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการตรวจหามะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรก ซึ่งมีส่วนช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาและยกระดับอัตราการรอดชีวิตของผู้ป่วย ในบทความนี้เราจะพูดถึงวิธีการต่าง ๆ ที่ใช้ในการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม พร้อมทั้งแนวทางการปฏิบัติที่เหมาะสมสำหรับผู้หญิงในกลุ่มอายุที่แตกต่างกัน

วิธีการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม

การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมสามารถทำได้โดยใช้วิธีการต่อไปนี้:

  1. การตรวจเต้านมด้วยตนเอง (Breast Self Examination: BSE) – ผู้หญิงควรได้รับการแนะนำเกี่ยวกับประโยชน์และข้อจำกัดของการตรวจเต้านมด้วยตนเอง รวมถึงการบันทึกข้อมูลการตรวจเพื่อการติดตามผล

  2. การตรวจเต้านมโดยแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฝึกอบรม (Clinical Breast Examination: CBE) – สำหรับผู้หญิงอายุ 40-70 ปี ควรได้รับการตรวจเต้านมโดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเป็นประจำทุก 1 ปี

  3. การตรวจด้วยเครื่องถ่ายภาพรังสีเต้านม (Mammography: MM) – แมมโมแกรมนั้นมีประสิทธิภาพสูงในการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมในระยะเริ่มแรก โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงอายุ 40-70 ปี

แนวทางการปฏิบัติ

สำหรับผู้หญิงอายุ 30-39 ปี – ควรทำการตรวจเต้านมด้วยตนเองเป็นประจำ – ตรวจยืนยันโดยบุคลากรทางการแพทย์หากพบความผิดปกติ – หากผลการตรวจมีความผิดปกติ ผู้หญิงควรส่งพบแพทย์เฉพาะทางหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการทำอัลตร้าซาวด์เต้านมเฉพาะจุด

สำหรับผู้หญิงอายุ 40-70 ปี – นอกจากการตรวจเต้านมด้วยตนเองแล้ว ควรเข้ารับการตรวจจากแพทย์หรือบุคลากรทางการแพทย์ที่ได้รับการฝึกอบรมเป็นประจำทุก 1 ปี – หากพบความผิดปกติ ควรส่งพบแพทย์เฉพาะทาง และอาจพิจารณาทำการตรวจอัลตร้าซาวด์เต้านมและแมมโมแกรมเพื่อตรวจวินิจฉัยต่อไป

การติดตามผล – หากมีการตรวจพบความผิดปกติ ควรทำการติดตามผลทุก 3 เดือนเป็นเวลา 2 ครั้ง – หากไม่พบความผิดปกติเพิ่มเติม ควรแนะนำผู้ป่วยให้ตรวจเต้านมด้วยตนเองต่อไป

การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญของแผนการป้องกันและควบคุมโรคมะเร็งแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพื่อค้นหามะเร็งในระยะเริ่มแรกและเพิ่มโอกาสในการรักษาให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

การตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมไม่ใช่เพียงแค่การทำตามคำแนะนำแต่เป็นการดูแลสุขภาพของตัวเราเอง หมั่นตรวจคัดกรองเพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจในสุขภาพของคุณ!