การฉายรังสีในการรักษามะเร็งปากมดลูก: ข้อดีและผลข้างเคียง
มะเร็งปากมดลูกเป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบมากที่สุดในผู้หญิง โดยการฉายรังสีเป็นวิธีการรักษาที่สำคัญเพื่อควบคุมและรักษาโรคนี้ ในบทความนี้เราจะมาพูดถึงข้อดีของการฉายรังสีและผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการรักษา เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยและครอบครัวตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษาได้ดียิ่งขึ้น
ข้อดีของการฉายรังสี
1. ประสิทธิภาพในการควบคุมโรค – การฉายรังสีเป็นวิธีที่มีบทบาทสำคัญในการรักษามะเร็งปากมดลูก โดยประมาณร้อยละ 90 ของผู้ป่วยในประเทศไทยเลือกใช้การรักษาด้วยรังสีเป็นหลัก – รังสีรักษาสามารถควบคุมมะเร็งปฐมภูมิและโรคที่ลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองและผนังอุ้งเชิงกรานได้ดี โดยเฉพาะเมื่อใช้ร่วมกับการใส่แร่ในโพรงมดลูกและช่องคลอด (intracavitary brachytherapy)
2. การใช้รังสีในการรักษาในระยะต่างๆ – ในมะเร็งปากมดลูกที่แพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองในอุ้งเชิงกราน, การใช้ปริมาณรังสีขนาด 4,500-5,000 cGy ในระยะเวลา 5-6 สัปดาห์ สามารถควบคุม microscopic tumor ได้ – สำหรับกรณีที่มะเร็งแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง, อาจใช้ปริมาณรังสี 4,000-6,000 cGy ในระยะเวลา 5-7 สัปดาห์
ผลข้างเคียงจากการฉายรังสี
1. ผลกระทบต่ออวัยวะใกล้เคียง – รังสีรักษาสามารถกระทบต่อเซลล์ปกติ เช่น เยื่อบุโพรงมดลูกและช่องคลอด, กล้ามเนื้อเรียบ และเนื้อเยื่ออื่นๆ ในอุ้งเชิงกราน – ลำไส้เล็กสามารถทนต่อรังสีได้ประมาณ 4,500-5,000 cGy ในช่วงระยะเวลา 5-6 สัปดาห์ แต่การเกาะติดของลำไส้เล็กอาจส่งผลให้เกิดผลแทรกซ้อนมากขึ้น
2. ผลกระทบต่อระบบปัสสาวะ – กระเพาะปัสสาวะสามารถทนต่อรังสีได้ประมาณ 6,500-7,000 cGy ในระยะเวลา 7-8 สัปดาห์ แต่การใช้รังสีในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดอาการปัสสาวะขัดและบ่อย (dysuria และ frequency)
3. ผลกระทบต่อหลอดไต – หลอดไตมีความสามารถในการทนต่อรังสีได้สูงถึง 8,000-9,000 cGy แต่การรักษาร่วมกับการผ่าตัดจะเพิ่มอัตราเสี่ยงต่อการทำลายหลอดไต
4. ผลข้างเคียงในระยะสั้นและระยะยาว – ในระยะสั้นอาจพบอาการที่เกิดจากปฏิกริยาของรังสีต่อเยื่อบุและเนื้อเยื่อใกล้เคียง เช่น ผื่นผิวหนังและปัญหาจากช่องปาก – ในระยะยาวอาจเกิดภาวะต่างๆ เช่น radiation induced periureteral fibrosis และ contracted bladder
การจัดการผลข้างเคียง การฉายรังสีควรทำในปริมาณน้อยและแบ่งการรักษาเป็นระยะเวลาหลายสัปดาห์ เพื่อให้เซลล์ปกติใกล้เคียงมีโอกาสซ่อมแซมตัวเองได้