การเตรียมตัวสำหรับการทำ MRI เพื่อวินิจฉัยมะเร็ง
การตรวจ MRI (Magnetic Resonance Imaging) เป็นเครื่องมือที่สำคัญในการวินิจฉัยโรคหลายประเภท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการตรวจมะเร็ง ด้วยการทำงานโดยใช้คลื่นแม่เหล็กและคลื่นความถี่วิทยุ ซึ่งให้ภาพของเนื้อเยื่อในร่างกายได้อย่างชัดเจน
เพื่อให้การตรวจ MRI เป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ คุณควรมีการเตรียมตัวอย่างเหมาะสม ดังนี้:
1. การงดน้ำและอาหาร – ปกติแล้วผู้ป่วยทั่วไปไม่จำเป็นต้องงดน้ำและอาหาร แต่ในกรณีที่ต้องตรวจช่องท้องส่วนบนหรือช่องท้องทั้งหมด ควรงดน้ำและอาหารประมาณ 6 ชั่วโมงก่อนการตรวจ
2. การถอดสิ่งของโลหะ – ก่อนการตรวจ ควรนำสิ่งของโลหะออกจากตัว เช่น: – กิ๊ฟหนีบผม – ฟันปลอม – ต่างหู – เครื่องประดับ – บัตรเครดิตและ ATM – นาฬิกา – Thumbdrive – Pocket PC – ปากกา
3. การเตรียมตัวโดยทั่วไป – ผู้รับการตรวจไม่ต้องงดน้ำและอาหารหากไม่ได้รับคำแนะนำเฉพาะจากแพทย์ – หากต้องใช้ยานอนหลับหรือยาสลบ ควรงดน้ำและอาหารก่อนการตรวจ – ควรสวมชุดที่เตรียมไว้โดยโรงพยาบาลเพื่อความสะดวกและปลอดภัย
4. การปฏิบัติตัวระหว่างการตรวจ – ผู้รับการตรวจจะต้องนอนบนเตียงตรวจและอาจมีการติดเครื่องจับสัญญาณคลื่นแม่เหล็กบนร่างกาย – ต้องนิ่งและทำตามคำแนะนำ เช่น หายใจเข้าแล้วกลั้นใจ หรือไม่กลืนน้ำลาย – อาจมีเสียงดังระหว่างการตรวจ สามารถใช้ฟองน้ำอุดหูเพื่อช่วยลดเสียง
5. การใช้สารคอนทราสต์ – ในบางกรณีอาจต้องฉีดสารคอนทราสต์เพื่อช่วยในการวินิจฉัย – สารคอนทราสต์ที่ใช้มีความปลอดภัยและไม่ใช่สาร iodine เหมือนใน CT scan
6. ระยะเวลาและหลังการตรวจ – ระยะเวลาในการตรวจ MRI โดยทั่วไปจะใช้เวลาอย่างน้อย 40 นาที – หลังการตรวจ ผู้รับการตรวจสามารถกลับบ้านและทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ ยกเว้นในกรณีที่ได้รับยาช่วยให้สงบอารมณ์ ควรมีเพื่อนหรือญาติดูแลและหลีกเลี่ยงการขับรถ
การเตรียมตัวอย่างถูกต้องจะเพิ่มโอกาสในการได้รับผลที่แม่นยำ และลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาต่างๆ ในระหว่างการตรวจ MRI เพื่อวินิจฉัยมะเร็งหรือโรคอื่นๆ หากคุณมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ควรสอบถามแพทย์ที่รับผิดชอบในการตรวจของคุณเพื่อข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์ที่สุด.